วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

ทำไมต้องอ่านแบบ Skimming ??



Skimming 



        Skimming เป็นวิธีการอ่านแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจากการอ่านแบบธรรมดา เพราะการอ่านแบบนี้เป็นการอ่านแบบรวดเร็วเพื่อต้องการข้อมูลโดยทั่ว ๆ ไป ( general information ) จะไม่อ่านทุกตัวอักษรแต่จะอ่านข้าม ๆ แต่ก็สามารถจับใจความได้ 

ขั้นตอนของการ Skimming
  1. อ่านหัวเรื่อง 
  2. ดูชื่อผู้แต่ง และหนังสืออ้างอิง
  3. อ่านย่อหน้าแรกอย่างละเอียด
  4. อ่านหัวเรื่องย่อยและประโยคแรกของย่อหน้าที่เหลือ
  5. อ่านเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็วเพื่อหา
    1. main idea ของทุกย่อหน้าพร้อมทั้ง supporting detail
    2. clue words เช่น ชื่อคน ชื่อวัน และ adj ที่สำคัญ
    3. คำที่แสดงความคิดของผู้แต่ง เช่น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
    4. เครื่องหมายตัวชี้ต่าง ๆ เช่น ตัวพิมพ์เอน ตัวพิมพ์หนา ลูกศร ดาว ฯลฯ
  6.  ในย่อหน้าสุดท้าย ถ้าเป็นการสรุปต้องอ่านให้ละเอียด
นักเรียนต้อง Skim เรื่องส่วนใหญ่ให้ได้ 1,000 คำ ต่อ วินาที 

อย่างไรก็ดี นักเรียนควรฝึกการ Skim ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทักษะในการ Skim จะดีขึ้นพยายามฝึก Skim เมื่อ 

1. อ่านหนังสือพิมพ์ หรือ แมกกาซีน
2. ต้องการจับใจความสำคัญ “ gist “ ของบทความ
3. การต้องการเลือกหนังสือในห้องสมุดก่อนที่จะตัดสินใจยืมเล่มหนึ่งออกมา
4. ต้องการสุมปริมาณความคิดเห็น และความเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ
5. ต้องการรวบรวมข้อมูล สำหรับการพูด หรือการเขียน paper 



ทำไมต้อง skimming เวลาอ่าน ?

                 ก็เพราะ Skimming เป็นรูปแบบการอ่านแบบหนึ่งจากสองแบบที่จำเป็นมากๆ หากคุณได้อ่านบทความภาษาอังกฤษจำนวนมาก จะพบว่าเป็นการยากมากที่จะหาคำตอบจากสิ่งที่โจทย์ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากบทความนั้นยาวมาก เทคนิคการอ่านแบบนี้ คือการอ่านด้วยความไวสูง ไม่สนใจรายละเอียดหากแต่กวาดตามองไปอย่างรวดเร็ว มองหา Keyword หรือคำหลักที่โจทย์ต้องการในบทความด้วยความไวสูงซึ่งการอ่านแบบนี้มีประโยชน์มากเมื่อเราต้องการทราบภาพรวมๆของบทความนั้นๆ เพราะจะไม่เปลืองสมองมากนัก
ประโยชน์ของ skimming?


Skimming และ scanning ต่างกันอย่างไร?

               Skimming และ scanning ต่างเป็นเทคนิคการอ่านเร็วทั้งคู่ แต่ scanning นั้นจะกวาดสายตาหาเฉพาะสิ่งที่เราต้องการ (a particular thing or person) เท่านั้น เช่น หาคำบางคำ ในสมุดโทรศัพท์เป็นต้น โดยจะไม่อ่านทุกบรรทัดหรือทุกหน้า จะกระโดดจากหน้านี้ไปหน้าโน้นเลย จุดมุ่งหมายอยู่ที่คำบางคำ เท่านั้น ส่วน skimming นั้นจะกวาดสายตาหาเฉพาะสาระสำคัญที่ต้องการ (a particular point or main points) เท่านั้น เช่น Why did so many people visited this national convention center last week? Why? = The exhibition? Why? = The major event? 


สรุป 7 ขั้นตอนของการ Skimming 

1.อ่านหัวเรื่อง 
2.ดูชื่อผู้แต่ง และหนังสืออ้างอิง
3.อ่านย่อหน้าแรกอย่างละเอียดและรวดเร็ว เพื่อจับใจความสำคัญของเรื่อง ( main idea )
4.อ่านหัวเรื่องย่อยและประโยคแรกของย่อหน้าที่เหลือ
5.อ่านเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็วเพื่อหา
1 main idea, Topic ของทุกย่อหน้าพร้อมทั้ง supporting detail
2 clue words เช่น ชื่อคน ชื่อวัน และ adjective ที่สำคัญ
3 คำที่แสดงความคิดของผู้แต่ง เช่น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
4 เครื่องหมายตัวชี้ต่าง ๆ เช่น ตัวพิมพ์เอน ตัวพิมพ์หนา ลูกศร ดาว ฯลฯ
6. อ่านย่อหน้าสุดท้ายอย่างรวดเร็วและละเอียด
7. เพ่งเล็งลักษณะตัวพิมพ์พิเศษ เช่น ตัวเอน ตัวหนา ดาว ฯลฯ ให้ดี 




Tip and Tricks: เคล็ดลับในการ skimming

          การอ่านแบบข้าม เป็นการอ่านผ่านเพื่อค้นหาเฉพาะข้อความสำคัญก่อนที่จะ อ่านข้อเขียนนั้นอย่างละเอียด ผู้อ่านจะมองข้อเขียนนั้นโดยรวมว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ค้นหาเฉพาะข้อความสำคัญและข้ามส่วนที่คิดว่าเป็นรายละเอียดปลีกย่อยไป ซึ่งจะช่วยให้ได้ข้อสรุปและความคิดเห็นทั่วไปของเรื่องที่จะอ่าน ได้ข้อคิดอย่างกว้าง ๆ ของผู้แต่ง เราใช้วิธีการอ่านแบบนี้เมื่อต้องการหาประเด็นสำคัญภายในเวลาอันรวดเร็ว ในการอ่านแบบข้าม ผู้อ่านจะทราบสิ่งต่อไปนี้ ข้อเขียนนั้นเขียนขึ้นเพื่อใคร เช่น ผู้อ่านทั่วไป หรือผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ เป็นต้น ข้อเขียนนั้นมีรูปแบบใด เช่น รายงาน จดหมายที่เขียนอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ บทความ โฆษณา เป็นต้น ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อะไรในการเขียน เช่น เพื่อพรรณนา อธิบายแจ้งข่าวสาร สั่งสอน ชักชวน เป็นต้น เนื้อหาโดยทั่วไปของข้อเขียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร




แบบฝึกหัดการอ่านแบบข้าม (Skimming)

Direction: Skim this passage below and choose the best answers for each question.

The Taj Mahal
Often called the most beautiful building in the world, The Taj Mahal stands in the town of Agra in India. It is in fact a tomb built by the emperor Shah Jahan for his wife who died in 1931.
Visitors to the Taj Mahal enter through a red sandstone gateway which leads into a beautiful walled garden in which a watercourse runs between rows of slender cypress trees. A the end of
the watercourse The Jaj Mahal stands on a marble terrace.
It’s square building made from pure white marble and topped by a dome. Four slender white minerals or towers rise from the corners of the terrace. Beneath the dome is an eight-sided chamber with a carved marble screen around the tombs of the emperor and his wife.
The chief architect of the Taj Mahal was Ustad Isa, who may have been a Persian. The building and ornamentation was done by 20,000 men and craftsmen from all parts of Asia. (1632-1650.)
1. Where is the Taj Mahal built?
a. the town of Emperor b. the town of Jahan
c. the town of watercourse d. the town of Agra
2. Who built the Jaj Mahal?
a. the Emperor’s wife b. the Emperor Shah Jahan
c. the architect d. all the above
3. In what year did the Emperor Shah Jahan's beloved wife passed away? 
a. 1930 b. 1931
c. 1932 d. 1933

4. What trees wee grown in the walled garden?
a. watercourse b. slender
c. cypress d. white minaret

5. What was square building made?
a. pure white marble b. pure black marble
c. crude white steel d. crude black steel
6. Who was the chief architect of the Taj Mahal?
a. Prince Persia b. Ustad Isa
c. Shah Jaha d. Andy Wilson

7. According to the passage, what nationality did Ustad Isa have?
a. Croatian b. Chinese
c. Caucasian d. Persian 

8. How long had the Taj Mahal been built?
a. ten years b. fifteen years
c. seventeen years d. eighteen years


เฉลยแบบฝึกหัด The Taj Mahal
1. d. 2. b. 3. b. 4. c. 5. a. 6. b. 7. d. 8. d 

ที่มา http://www.engtest.net/2010/main.php?section=elearning&&skill_id=1&&level_id=1&&topic_id=352

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น